สำหรับใครที่กำลังมองหาแหวนแต่งงาน แต่ไม่รู้จะเลือกแบบไหนที่จะเหมาะสมกับคู่ของเรามากที่สุด เพราะแหวนแต่งงานส่วนใหญ่มักจะใช้เป็นแหวนคู่ จึงต้องเลือกเผื่อคนที่เรารักด้วย เรามีวิธีการเลือกแหวนทองสำหรับใช้ในพิธีแต่งงานมาฝากค่ะ
อีกหนึ่งของแทนใจสำหรับงานแต่งงานนั่นก็คือแหวนทอง ที่หลายคนนิยมเลือกมาเป็นแหวนแต่งงานไม่แพ้กับแหวนเพชรเลย ข้อดีของแหวนทองคือสวมใส่ง่าย สะท้อนให้เห็นถึงรสนิยมและความเป็นตัวเองของผู้สวมใส่
การเลือกแหวนทองสำหรับแต่งงาน ต้องพิจารณาดังนี้
1. วิธีการผลิต
แหวนทองมีกรรมวิธีการผลิตที่แตกต่างกัน ทั้งการเล่นลวดลาย การนำโลหะชนิดอื่นๆมาผสมกับทองคำ จนกลายมาเป็นทองรูปพรรณ เช่น เงิน ทองแดง นิกเกิล เพื่อเพิ่มความแข็งแรงทนทานให้กับตัวแหวน หรือมีการปรับปรุงคุณสมบัติทางกายภาพอื่นๆ เช่น สีของแหวน จุดหลอมเหลว
• ทองกะรัต (Karat Gold) เป็นการผสมทองคำบริสุทธิ์กับเงินและทองแดง
• ทองคำขาว (White Gold) เป็นการผสมทองคำบริสุทธิ์กับแพลเลเดียม นิกเกิลและสังกะสี
• ทองชมพู (Pink Gold) เป็นการผสมทองคำบริสุทธิ์กับเงินและทองแดง
เพราะฉะนั้นปริมาณทองคำบริสุทธิ์จะแตกต่างกันไปตามลักษณะของการใช้งาน
2. ขนาดกะรัต
ไม่เพียงแต่แหวนเพชรเท่านั้นที่อยู่ในรูปของกะรัต แต่แหวนทองก็มีขนาดกะรัตเหมือนกัน ซึ่งจะมีคุณสมบัติที่แตกต่างกันไป ราคาก็จะเพิ่มขึ้นตามขนาดของกะรัตด้วย แหวนทองแท้ที่ไม่ประดับเพชรหรือทองคำ 96.5% จะมีขนาดกะรัต 23K สำหรับใครที่ต้องการเลือกแหวนทองฝังเพชรควรเลือกแหวนทอง 75% หรือทอง 18K ก็จะมีความทนทานมากกว่า
• 24K = ทองคำ 99.99% นิยมนำมาลงทุนทองคำแท่งทั่วโลก
• 23K = ทองคำ 96.5% นิยมใช้ทำแหวนทองแบบไม่ประดับเพชร
• 18K = ทองคำ 75% เป็นมาตรฐานสำหรับการทำแหวนเพชรจากแบรนด์ดังทั่วโลก
• 14K = ทองคำ 58.3% นิยมใช้ทำแหวนเพชร USA
• 9K = ทองคำ 37.5% นิยมใช้ทำแหวนเพชรในราคาย่อมเยา
จะเห็นได้ว่าทองคำ 18K หรือทองคำ 75% จะมีคุณภาพสูงและมีความเหมาะสมที่สุดในการเลือกมาทำแหวนทองฝังเพชร เพื่อใช้เป็นแหวนหมั้นหรือแหวนแต่งงาน มีความแข็งแรงทนทานสูง เหมาะกับการสวมใส่ในชีวิตประจำวันด้วย
3. น้ำหนักทอง
น้ำหนักทองบ่งบอกถึงปริมาณทองคำที่ใส่ลงไปในทองกะรัตต่างๆ หากมีน้ำหนักมากก็จะทำให้ราคาและความแข็งแรงของทองรูปพรรณสูงขึ้นไปด้วย เพราะน้ำหนักทองที่เพิ่มเข้าไปจะช่วยลดการโค้งงอและการหักได้
น้ำหนักของแหวนทองมีให้เลือกตั้งแต่ครึ่งสลึง, 1 สลึง, 2 สลึง, 1 บาทและ 2 บาท (ทอง 1 บาท = 4 สลึง) ทองรูปพรรณ 1 บาทจะมีน้ำหนัก 15.16 กรัม ซึ่งร้านทองจะคิดราคาตามน้ำหนักที่ปรากฏบนตาชั่งเท่านั้น
• แหวนทอง 2 สลึงหนัก 7.58 กรัม
• แหวนทอง 1 สลึงหนัก 3.79 กรัม
• แหวนทองครึ่งสลึงหนัก 1.895 กรัม
4. สีของแหวนทอง
หากอยากได้แหวนทองคำแท้ๆ ก็ต้องเป็นแหวนที่มีสีเหลือง ซึ่งแหวนทองคำมีข้อดีหลายอย่าง ได้แก่
• ลดโอกาสแพ้ของผิวเมื่อเทียบกับทองคำทั้ง 3 สี
• เป็นทองคำที่ดูธรรมชาติมากที่สุด
• ดูแลง่ายที่สุด
• ตัวแหวนมีเนื้อนิ่ม สามารถเพิ่มหรือลดไซส์แหวนได้สะดวกที่สุด
• เหมาะกับทุกคน ทุกสีผิว
5. การออกแบบ
นอกจากสีของแหวนและส่วนประกอบต่างๆแล้ว ลักษณะการออกแบบทองรูปพรรณก็จะบ่งบอกถึงความพิเศษได้ ทั้งการสลักลวดลาย การเพิ่มลักษณะของพื้นผิว ทั้งแบบเงา แบบด้านและแบบซาติน การเลือกแหวนแต่งงานควรเลือกดีไซน์ที่เหมาะกับคู่บ่าวสาวด้วย เพราะจะต้องใส่ทุกวัน
• ผู้ที่มีมือกว้างและใหญ่ ไม่เหมาะกับแหวนทองหน้าแคบ เพราะจะทำให้เห็นแหวนไม่ชัด
• หากเป็นคนที่มีนิ้วกว้างหรือใหญ่ ชอบสวมแหวนหน้ากว้าง ควรเลือกแหวนที่มีขอบมน
• แหวนทองที่มีลักษณะแบนเรียบ จะดูสวยมากหากสวมอยู่บนนิ้วที่เรียวยาว
• แหวนที่มีช่องโปร่งจะทำให้รู้สึกบางเบา เหมาะกับผู้ที่มีมือกว้าง
• แหวนเพชรหรือพลอยเม็ดใหญ่ เหมาะกับคนที่มีมือขนาดใหญ่
• สำหรับคนมือเล็กและผอมบาง เหมาะกับแหวนที่มีเพชรหรือพลอยประดับเม็ดเล็กๆ หลายเม็ด
6. ใบรับประกันสินค้า
หากไปเลือกซื้อแหวนทองที่ร้าน ให้ดูโลโก้บนเนื้อทองหรือใบรับประกันของทางร้าน โดยจะมีตราสัญลักษณ์บอกที่มาของทองว่าผลิตที่ไหน มีความน่าเชื่อถือหรือไม่
นอกจากเคล็ดลับการเลือกแหวนทองที่จะทำให้ได้แหวนในแบบที่ต้องการแล้ว ควรเลือกแหวนจากความชอบของตัวเองด้วย เพราะแหวนแต่งงานเปรียบเสมือนของแทนใจที่จะต้องใส่ติดตัวไว้ตลอด เลือกแหวนวงที่ใช่ และทำให้เรามั่นใจในขณะสวมใส่ด้วย
อ่านบทความ แหวนแต่งงานผู้ชาย แบบไหนดี รวม 7 แบรนด์แหวนผู้ชาย ใส่ได้ทุกวัน 2022
เครดิตภาพจาก www.canva.com